มันก็เป็นเรื่องน่าแปลกและรันทดพอสมควรที่ผมได้กลับมาเขียนบลอกนี้อีกครั้ง...ซึ่งผมก็ได้สังเกตตัวเองมาหลายครั้งแล้วว่า ผมจะนึกถึงบลอกนี้ ก็ต่อเมื่อผมรู้สึกไม่สบายใจและไม่มีทางระบายความรู้สึกต่างๆ ออกมาได้
บางครั้งผมไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากนัก เพราะการที่ผมได้รับรู้เรื่องราวๆ ต่างๆ มากมายทั้งจากตัวเองและผู้อื่น มันทำให้ผมรู้สึกทุกข์ รู้สึกอึดอันอย่างบอกไม่ถูก ไม่เป็นตัวของตัวเอง แต่ผมก็คงจะไปกล่าวโทษคนอื่นเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ เพราะตัวทุกข์ที่แท้จริง มันอยู่ที่ "ใจ" ของผมนี่เอง
ผมได้ทบทวน มองความทุกข์ที่เกิดขึ้น และได้พบว่าที่ผมต้องทนทุกข์กับเหตุการณ์ต่างๆ ส่วนหนึ่งมาจาก "กรรม" หรือการกระทำของผมในอดีต ได้ส่งผลให้ผมต้องมาเสวยผลกรรมในปัจจุบัน อีกส่วนหนึ่งมาจาก "ความไม่รู้" หรือไม่เข้าใจในธรรม ผมกำลังจะบอกว่า หากเราสามารถปล่อยวางตามสภาพความเป็นจริงได้ หรือ หากจิตของเรามีความเข้มแข็งมากพอและมีสติรู้เท่าทันต่อผัสสะที่เข้ามากระทบผ่านอายตนะทั้ง 6 ไม่ว่าจะเป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ...ก็จะทำให้เราทุกข์น้อยลง หรืออาจจะไม่ทุกข์เลยก็เป็นได้
แต่ถึงตอนปฏิบัตินั้น ถ้าคนไม่เคยฝึกสติมาเลย จะทำได้ยากมากๆ...เวลาเอาเข้าจริงๆ พอเวลาที่ผัสสะมากระทบ สติเราแทบไม่เหลือ กระเจิดกระเจิงไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้
สุดท้าย ผมก็ขอสรุปโดยอาราธนาคติธรรมคำสอนของหลวงปู่ดูลย์ อตุโล มาบอกกล่าวกันเพื่อย้ำเตือนอีกสักครั้ง ท่านว่า "จิตที่ส่งออกนอกเป็น สมุทัย" นั่นหมายความว่า ถ้าจิตของเราวิ่งไปตามสิ่งต่างๆที่มากระทบ มันก็จะเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่า รู้สึกดีใจ ที่เจ้าของบล็อก ได้ "กลับมา(เขียน)อีกครั้ง" --ให้ได้อ่านกันต่อไป --
ตอบลบนอกจากการฟังเพลงแล้ว การเข้ามาอ่านบทความก็เป็นอีกวิธีหนึ่ง ที่ข้าพเจ้ามักจะทำอยู่เป็นประจำ เพราะมันทำให้ได้ข้อคิดดี ๆ มาช่วยในยามที่รู้สึก ท้อแท้ ขาดแรงบันดาลใจ....
ก่อนหน้านี้ ข้าพเจ้ารู้สึกว่า ได้รับความเป็นทุกข์อย่างมาก ผัสสะที่เข้ามากระทบผ่านอายตนะทั้ง 6 โดยเฉพาะใจ ทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกเป็นทุกข์มากที่สุด ในความทุกข์นั้นก็ทำให้รู้ว่า ความคิดใน"ใจ"ของเรา มันสำคัญจริงๆ ส่งผลทุกเรื่อง ตั้งแต่สุขภาพ ไปจนถึงพลังนำตัวเราไปทำในสิ่งที่ดีหรือไม่ดีได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว ปริมาณ "ความทุกข์" ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "สิ่งเลวร้าย"ที่เราได้รับ แต่อยู่ที่"มุมมอง"ของเราที่มีต่อสิ่งนั้น ดังเชกเช่นที่ผู้เขียนกล่าวว่า "จิตที่ส่งออกนอกเป็น สมุทัย" นั่นหมายความว่า ถ้าจิตของเราวิ่งไปตามสิ่งต่างๆที่มากระทบ มันก็จะเป็นต้นเหตุแห่งทุกข์
(* _ *)ขอบคุณสำหรับข้อคิดดี ๆ จร้า