ในช่วงนี้ งานเขียนของผมจะหนักไปทางการบ่นรำพึงถึงชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเอง และอาจจะเต็มไปด้วยกลิ่นไอของนักเขียน งานเขียนที่ผมชื่นชม เสียเป็นส่วนใหญ่
พูดก็พูดเถอะ ผมรู้สึกว่าตอนนี้ชีวิตของผมนั้นแทบจะไม่มีความแน่นอนเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง สิ่งที่ผมครุ่นคิดในช่วงนี้ ก็มีอยู่ 2-3 อย่าง ซึ่งคงหนีไม่พ้นเรื่อง จะได้ไปเรียนต่อหรือไม่ ถ้าไม่เรียนต่อแล้วจะไปทำอะไร หรือจะเลือกเส้นทางอีกสายหนึ่ง
แต่คำตอบที่เกิดขึ้นในใจขณะนี้ ก็คือ ปล่อยให้มันเป็นไปตามสิ่งที่มันจะเป็นตามเหตุปัจจัย หากคิดตามแบบฉบับท่านพุทธทาส ท่านก็คงบอกว่าให้ทำความเข้าใจกับหลัก "อิทัปปัจจยตา" และ "ตถตา" ให้ถ่องแท้ (ซึ่งหากผมกล่าวอะไรที่ผิดพลาดไป ก็ขออภัยในความรู้ไม่จริงของผมด้วย)
อย่างไรก็ตาม ก็มีอีกหนึ่งคำเตือนจากอาจารย์เสกสรรค์ ที่ว่า "ต้นทางอยู่คน...ปลายทางอยู่ฟ้า" ในเมื่อเราได้พยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ก็คงต้องยอมรับมัน ในบางครั้ง เราไปไม่ถึงฝั่งฝัน ก็ไม่จำเป็นจะต้องเสียใจ ร้องไห้ คร่ำครวญ เนื่องเพราะปลายทางแล้วเราไม่สามารถจะกำหนดกะเกณฑ์อะไรได้ อีกทั้งอย่างน้อยเราก็ได้ลงมือทำมันไปแล้ว
มาถึงตอนนี้แล้ว ผมก็คงได้แต่บอกตัวเองว่า "ทำหน้าที่ของตัวเองตรงนี้ให้ดีที่สุด" แม้หลาย ครั้งจะรู้สึกเหนื่อยล้ากับบางอย่างที่เป็นอยู่ แต่ก็มีกำลังใจดีๆ จากหลายๆ คน ที่ทำให้ผมรู้ว่า ผมเองสามารถเป็นครูที่ดีได้และมีคุณค่ากับสังคม ยิ่งกว่านั้น มีคนเคยมากบอกว่า เค้ามีผมเป็น idol หรือเป็น role model สำหรับพวกเขา (ผมสาบานได้ว่า ผมเคยได้ยินแบบนั้นมาจริงๆ) แต่ไม่ว่ามันจะจริงหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อย มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมแอบยิ้มได้ทุกครั้ง นั่นอาจเป็นเพราะ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นไอดอลสำหรับใครได้ และเป็นเพียงผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ได้มีโอกาสมาทำหน้าที่ตรงนี้ มาทำในสิ่งที่อยากทำ ก็เท่านั้นเอง
สุดท้ายนี้ ก็อยากจะบอกอีกครั้งว่า "ขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ" ทุกๆ แรงใจที่มีให้กัน และขออวยพรให้ทุกท่านประสบความสงบสันติในชีวิต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น